วันพฤหัสบดีที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2552

เทคโนโลยีสารสนเทศ

เทคโนโลยีสารสนเทศคำว่าเทคโนโลยีสารสนเทศ มาจากคำ 2 คำนำมารวมกัน คือ คำว่า เทคโนโลยี และสารสนเทศเทคโนโลยี + สารสนเทศ = เทคโนโลยีสารสนเทศเมื่อพิจารณาความหมายของแต่ละคำจะมีความหมายดังนี้เทคโนโลยี หมายถึง การประยุกต์เอาความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ ความจริงเกี่ยวกับธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม มาทำให้เกิดประโยชน์ต่อมวลมนุษย์ เทคโนโลยีจึงเป็นวิธีการในการสร้างมูลค่าเพิ่มของสิ่งต่าง ๆ ให้เกิดประโยชน์มากยิ่งขึ้นสารสนเทศ หมายถึง ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตของมนุษย์ ข้อมูลดังกล่าวต้องผ่านการเก็บรวบรวม จัดเก็บ ตรวจสอบความถูกต้อง แบ่งกลุ่มจัดประเภทของข้อมูล และสรุปออกมาเป็นสารสนเทศ และมนุษย์นำเอาสารสนเทศนั้นไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ เช่น รายงาน ผลงานการวิจัย ข่าวสารต่าง ๆ เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology : IT) หมายถึงการนำเอาเทคโนโลยีมาใช้สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสารสนเทศ ทำให้สารสนเทศมีประโยชน์ และใช้งานได้กว้างขวางมากขึ้น เทคโนโลยีสารสนเทศรวมไปถึงการใช้เทคโนโลยีด้านต่าง ๆ ที่จะรวบรวม จัดเก็บ ใช้งาน ส่งต่อ หรือสื่อสารระหว่างกัน เทคโนโลยีสารสนเทศเกี่ยวข้องโดยตรงกับเครื่องมือเครื่องใช้ในการจัดการสารสนเทศ ซึ่งได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์รอบข้าง ขั้นตอน วิธีการดำเนินการ ซึ่งเกี่ยวข้องกับซอฟต์แวร์ เกี่ยวข้องกับตัวข้อมูล เกี่ยวข้องกับบุคลากร เกี่ยวข้องกับกรรมวิธีการดำเนินงานเพื่อให้ข้อมูลเกิดประโยชน์สูงสุด นอกจากนี้แล้วยังรวมไปถึง โทรทัศน์ วิทยุ โทรศัพท์ โทรสาร หนังสือพิมพ์ นิตยสารต่าง ๆ ฯลประโยชน์ของเทคโนโลยีสารสนเทศชีวิตความเป็นอยู่ในปัจจุบันเกี่ยวข้องกับสารสนเทศต่างๆ มากมาย การอยู่รวมกันเป็นสังคมของมนุษย์ทำให้ต้องเสียเวลาในการสื่อสารถึงกัน ต้องติดต่อและทำงานหลายสิ่งหลายอย่างร่วมกันสมองของเราต้องจดจำสิ่งต่างๆ ไว้มากมายต้องจดจำรายชื่อผู้ที่เราเกี่ยวข้องด้วย จดจำข้อมูลต่างๆ ไว้เพื่อใช้ประโยชน์ในภายหลัง สังคมจึงต้องการความเป็นระบบที่มีรูปแบบชัดเจน เช่น การกำหนดเลขบ้าน ชื่อถนน อำเภอ จังหวัด ทำให้สามารถติดต่อส่งจดหมายถึงกันได้ เลขบ้านเป็นสารสนเทศอย่างหนึ่งที่ใช้งานกันอยู่เพื่อให้สารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์เป็นระบบมากขึ้น จึงมีการจัดการสารสนเทศเหล่านั้นในลักษณะเชิงระบบ เช่น ระบบทะเบียนราษฎร์ มีการใช้เลขประจำตัวประชาชน ซึ่งมีเลขรหัส 13 ตัว แต่ละตัวจะมีความหมายเพื่อใช้ในการตรวจสอบ เช่น แบ่งตามประเภท ตามถิ่นที่อยู่ การเข้ารับการตรวจรักษาในโรงพยาบาลก็ต้องมีการลงทะเบียน การสร้างเวชระเบียน ระบบเสียภาษีก็มีการสร้างรหัสประจำตัวผู้เสียภาษี นอกจากนี้มีการจดทะเบียนรถยนต์ ทะเบียนการค้า ทะเบียนโรงงาน ฯลฯการใช้สารสนเทศเกี่ยวข้องกับทุกคน การเรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศจึงมีความจำเป็น ปัจจุบันเราใช้จ่ายเงินซื้อสินค้าด้วยบัตรเครดิต เบิกเงินด้วยบัตรเอทีเอ็ม การโอนย้ายช้อมูล ในลักษณะอิเล็กทรอนิกส์เกี่ยวข้องกับเรามากขึ้นเทคโนโลยีสารสนเทศจึงเป็นเทคโนโลยีแห่งศตวรรษนี้ ที่ใช้ในการจัดเก็บรวบรวมข้อมูล ข้อมูลจำนวนมากได้รับการบันทึกไว้ในรูปแบบที่ให้เครื่องจักรอ่านได้ เช่นอยู่ในแถบบันทึกไว้ในรูปแบบที่ให้เครื่องจักรอ่านได้ เช่นอยู่ในแถบบันทึก แผ่นบันทึก แผ่นซีดีรอม ดังจะเห็นเอกสารหรือหนังสือ หรือสารานุกรมบรรจุในแผ่นซีดีรอม หนังสือทั้งตู้อาจเก็บในแผ่นซีดีรอมเพียงแผ่นเดียวการสื่อสารข้อมูลที่เห็นเด่นชัดขณะนี้ และกำลังมีบทบาทมากอย่างหนึ่งคือ ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งคือการส่งข้อความถึงกันโดยผ่านคอมพิวเตอร์ กล่าวคือ ผู้ใช้นั่งอยู่หน้าจอภาพ พิมพ์ข้อความเป็นจดหมายหรือเอกสาร พิมพ์เลขที่อยู่ของไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ของผู้รับแล้วส่งผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ผู้รับก็สามารถเปิดคอมพิวเตอร์ของผู้รับเพื่อค้นหาจดหมายได้และสามารถตอบโต้กลับได้ทันที

การตลาด

การตลาด
หมายถึง การกระทำกิจกรรมต่างๆ ที่จะนำสิ้นค้าและบริการจากผู้ผลิตไปสู่ผู้บริโภคคนสุดท้ายเพื่อให้เกิดความพึ่งพอใจและบรรลุวัตถุประสงค์จากความหมายสรุปได้ว่า ตลาดเป็นส่วนหนึ่งของการตลาด และความหมายของการตลาดหมายถึงบุคคลหรือองค์กรซึ่งมีลักษณะดังนี้
1. มีความจำเป็น ความต้องการ และความต้องการซื้อ ในสินค้าและบริการ
2. มีเงินหรืออำนาจซื้อ
3. มีความเต็มใจที่จะซื้อ
4. มีอำนาจในการตัดสินใจซื้อในปัจจุบันนี้ การตลาดได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เพื่อให้สอดคล้องกับระบบการตลาดในเรื่องการตอบสนองความต้องการจองลูกค้าที่จะศึกษา
1. ความจำเป็น เป็นอำนาจพื้นฐานทำให้บุคคลต้องการสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพื่อตอบสนองความต้องการพื้นฐานทางด้านร่างกาย
2. ความต้องการ เป็นความปรารถนาของบุคคลที่จะตอบสนองความพึงพอใจในระดับที่ลึกกว่าความจำเป็น เป็นความต้องการ การยอมรับ และการยกย่องจากสังคม รวมไปถึงความสำเร็จสูงสุดในชีวิต
3. ความต้องการซื้อ เป้นความต้องการในผลิตภัณฑ์ใดผลิตภัณฑ์หนึ่งซึ่งลูกค้าเต็มใจซื้อ และมีอำนาจในการซื้อ

ข้าวต้มกุ้ง

ข้าวต้มกุ้ง
ส่วนผสม
กุ้งชีแฮ้ 150 กรัม
ข้าวสวย 1 ถ้วย
น้ำซุป 2 ถ้วย
ขึ้นฉ่าย 1 ต้น
ข่าป่น 1/2 ช้อนชา
ตังฉ่าย 1 ช้อนชา
กระเทียมเจียว 1 ช้อนชา
ซีอิ้วขาว 1 ช้อนชา
เกลือ 1 /4 ช้อนชา
พริกไทยป่น 1/4 ช้อนชา
พริกชี้ฟ้าดอง เต้าเจี้ยวบด
วิธีทำ
ล้างกุ้งให้สะอาด ปอกเปลือก ผ่าหลังนำเส้นดำออก ลวกน้ำเดือดให้พอสุก ต้มข้าวกับน้ำซุปจนเดือด ปรุงรสด้วย ซีอิ๋วขาว และเกลือ ตักใส่ถ้วยข้าวต้ม ใส่กุ้ง โรยตังฉ่าย ข่าป่น กระเทียมเจียว ขึ้นฉ่ายซอยหยาบ พริกไทยป่น เสริฟขณะร้อน อาจเติมรสด้วยพริกชี้ฟ้าดอง และเต้าเจี้ยวบด

ภาษีมูลค่าเพิ่ม

ผู้มีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม

ผู้ประกอบการที่ขายสินค้าหรือให้บริการในทางธุรกิจหรือวิชาชีพเป็นปกติธุระ ไม่ว่าจะประกอบกิจการในรูปของบุคคลธรรมดา คณะบุคคลหรือห้างหุ้นส่วนสามัญที่มิใช่นิติบุคคล หรือนิติบุคคลใด ๆ หากมีรายรับจากการขายสินค้าหรือให้บริการเกินกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี มีหน้าที่ต้องยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเพื่อเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน โดยคำนวณภาษีที่ต้องเสียจากภาษีขายหักด้วยภาษีซื้อ

ผู้ประกอบการที่ไม่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม


1. ผู้ประกอบการที่มีรายรับจากการขายสินค้าหรือให้บริการไม่เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี
2. ผู้ประกอบการที่ขายสินค้าหรือให้บริการที่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตามกฎหมาย
3. ผู้ประกอบการที่ให้บริการจากต่างประเทศ และได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักร
4. ผู้ประกอบการที่อยู่นอกราชอาณาจักรและเข้ามาประกอบกิจการขายสินค้าหรือให้บริการในราชอาณาจักรเป็นครั้งคราว ทั้งนี้ ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไข ที่กำหนดไว้ในประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม ( ฉบับที่ 43) ฯ ลงวันที่ 29 มกราคม พ . ศ . 2536
5. ผู้ประกอบการอื่นตามที่อธิบดีจะประกาศกำหนดเมื่อมีเหตุอันสมควร

วันพุธที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2552

วันอังคารที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2552

โครงงานอาชีพ

ขายข้าวเหนียวหน้าหมูเนื้อ
รหัสอาชีพอิสระ
31038
เงินลงทุน
ประมาณ 4,000 บาท (เตาแก๊สพร้อมถังแก๊ส 2,000 บาท โต๊ะพับขา 400 บาท)
รายได้
ประมาณ 1,500 บาท/วัน
อุปกรณ์
เตาพร้อมถังแก๊ส กระทะ กะละมัง หม้อ ลังถึง ตะหลิว ทัพพี กระติกน้ำแข็ง (ใส่ข้าวเหนียว) โต๊ะพับขา กล่องโฟมเบอร์ 8 ถุงพลาสติก
แหล่งจำหน่าย
ร้านค้าทั่วไป ห้างสรรพสินค้า ย่านเวิ้งนาครเขษม
วิธีดำเนินการ
วิธีทำข้าวเหนียว นำข้าวเหนียวประมาณ 4 กิโลกรัม แช่น้ำทิ้งไว้ 1 คืน จากนั้นซาวน้ำให้สะอาด นำไปนึ่งในลังถึงประมาณ 30 นาที เมื่อข้าวเหนียวสุกนำไปใส่ในกระติกน้ำแข็ง เพื่อรักษาความร้อนให้คงทนได้นาน
ส่วนผสมหน้าหมู/เนื้อหมูเนื้อแดงหรือเนื้อวัว 5 กิโลกรัมน้ำตาลปี๊บ 3 กิโลกรัมเกลือป่น 2 ถ้วยตวงซอสถั่วเหลือง 2 ถ้วยตวงรากผักชี 2 ขีดหอมแดง 1 กิโลกรัมซีอิ๊วหวาน 1/3 ถ้วยตวงน้ำมันพืชวิธีทำ1. นำเนื้อหมู/วัว มาต้มน้ำ โดยใส่น้ำพอท่วมเนื้อ แล้วใส่เกลือป่นและซอสถั่วเหลือง ชนิดละ 1 ถ้วยตวง ผสมลงไปในน้ำต้ม2. หลังจากเนื้อหมู/วัว ต้มสุกจนเปื่อยแล้ว ตักขึ้นมาพักไว้ให้เย็นสักเล็กน้อยนำมาฉีกเป็นเส้นเล็กๆ แล้วนำไปคั่วในกระทะ ใส่ซีอิ๊วหวานผสมลงไปคั่ว จนแห้ง ตักขึ้นจากกระทะ3. นำน้ำตาลปี๊บลงกวนในกระทะจนละลายเหลว แล้วนำเนื้อหมู/วัว ในข้อ 2 ลงไปผัดกับน้ำตาล ใส่เกลือป่นและซอสถั่วเหลืองชนิดละ 1 ถ้วยตวง และรากผักชี ผัดคลุกเคล้าให้เข้ากันด้วยไฟอ่อนจนเนื้อหมู/วัวแห้งกรอบ ตักขึ้นใส่ภาชนะ4. นำหอมแดงมาหั่นซอยบาง ๆ แล้วนำไปเจียวกับน้ำมันพืช ในกระทะด้วยไฟอ่อน ๆ จนมีสีเหลืองหอม จึงตักขึ้นจากน้ำมันใส่ภาชนะไว้5. เมื่อนำออกขายให้หยิบข้าวเหนียวใส่กล่องโฟมประมาณ 2 ขีด ตักเนื้อหมู/วัวเส้นใส่บนข้าว เหนียว โรยหอมเจียวเล็กน้อย หากลูกค้าต้องการซื้อเฉพาะเนื้อหมู/วัวเส้นก็ขายเป็นขีด โดยบรรจุใส่ถุงพลาสติกให้
ตลาดจำหน่าย
แหล่งชุมชน ตลาดทั่วไป ป้ายรถประจำทาง
ข้อแนะนำ
1. การเลือกซื้อหมูเนื้อแดง ควรซื้อเฉพาะบริเวณสะโพกเพราะมีมันน้อย สะดวก ในการฉีกเป็นเส้นเล็กๆ หากมีมันติดมาด้วยควรตัดทิ้งให้หมด2. ควรแยกต้มเนื้อหมูและเนื้อวัวคนละหม้อ เพื่อป้องกันกลิ่นปนเปื้อน 3. การผัดเนื้อหมู/วัว ในช่วงที่น้ำตาลใกล้จะแห้ง ควรพลิกเนื้อในกระทะบ่อยๆ เพื่อป้องกัน น้ำตาลไหม้